วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

ตลาดน้ำตลิ่งชัน หรือตลาดน้ำวัดไทร เพราะกรุงเทพก็มีตลาดน้ำ

ตลาดน้ำตลิ่งชัน หรือตลาดน้ำวัดไทร เพราะกรุงเทพก็มีตลาดน้ำ

ตลาดน้ำตลิ่งชันอยุ่กรุงเทพชื่อก็บอกอยู่แล้ว สำหรับตลาดน้ำตลิ่งชันนั้นมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าตลาดน้ำวัดท่าไทรครับ เป็นตลาดน้ำที่อยู่ในกรุงเทพมหานครครับผม อันนี้ขอบอกไว้ก่อนว่าตอนแรกที่มีคนบอกว่าในกรุงเทพมีตลาดน้ำผมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน จนต้องเข้ามาค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตนั่นแหละ ถึงจะเชื่อว่าเออกรุงเทพก็มีตลาดน้ำ ลองแวะเวียนกันเข้าไปเพื่อสนับสนุนชาวบ้านครับ ตลาดน้ำตลิ่งชันหรือตลาดน้ำวัดไทร บรรยากาศเก่าๆนั้นจะกลับมาเยือนเราและเป็นความรู้สึกที่ดีแน่นอน 


คลองสนามชัย นอกจากจะเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระพุทธเจ้าเสือ และเป็นเส้นทางที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ทรงยกกองทัพไปปราบพม่าที่เมืองถลางและเมืองชุมพรแล้ว ยังมีความสำคัญทางด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยเฉพาะชาวต่าวประเทศมักนิยมนั่งเรือจากโรงแรมผ่านเข้ามาทางคลองดาวคนอง ไปตามลำคลองสนามชัยไปจนถึงวัดไทร ซึ่งแต่เดิมมีตลาดน้ำเรียกว่า ตลาดน้ำวัดไทร ประชาชนชาวสวนนิยมนำผลไม้ของสวน ของพื้นบ้าน ใส่เรือพายนำออกมาขายกันเต็มลำคลองจนร่ำลือไปทั่วสารทิศว่า ตลาดน้ำวัดไทรเป็นตลาดน้ำที่สวยงามที่สุด

ประเพณีค่อยสูญหายไป เพราะแม่น้ำลำคลองทนต่อการสัญจรไปมาของเรือหางยาวหรือเรือลากจูง ซึ่งมาจากมหาชัยไม่ได้ ทำให้สินค้า ทรัพย์สินเสียหาย จึงค่อยเลิกรากันไป ถึงแม้ทางราชการและองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้คิดค้นวิธีการส่งเสริมอย่างไรก็ไร้ผล เลยทำให้ตลาดน้ำวัดไทรค่อยๆ หมดไป (ปัจจุบันตลาดน้ำวัดไทร ได้ย้ายไปอยู่ที่คลองดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี) ถึงกระนั้น ชาวต่างประเทศก็ยังนิยมนำเรือเข้ามาชมสภาพท้องที่ และชนบทของเขตบางขุนเทียน ตามริมฝั่งคลองสนามชัยอยู่ตลอดเวลา

นอกจากเป็นพื้นที่ที่เกี่ยวข้องในประวัติศาสตร์แล้ว บางขุนเทียนยังได้ถูกกล่าวขานในบทกวีนิพนธ์ไว้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งเป็นสมัยที่มีกวีเอกหลายท่าน เมื่อแต่ละท่านได้มีโอกาศผ่านย่านบางขุนเทียน ก็ได้เขียนบทกวีกล่าวถึงสถานที่ต่างๆ ที่ผ่านไว้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง

นายนรินทร์ธิเบศร์ ได้เขียนไว้ในโคลงนิราศนรินทร์ว่า

บางขุนเทียนถิ่นบ้าน นามมี
เทียนว่าเทียนแสงสี สว่างเหย้า
เย็นยามพระสุริยะลี ลาโลก ลงแม่
เทียนแม่จุดจักเข้า สู่ห้องหาใคร


จากโคลงบทนี้ ทำให้ชื่อบางขุนเทียนได้ปรากฏในเอกสารเป็นครั้งแรกในสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2

ตลาดน้ำวัดไทร...เป็นตลาดน้ำในคลองสนามชัยบริเวณหน้าวัดไทร แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง ซึ่งวัดไทรนั้นสันนิษฐานว่า เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาประมาณอายุได้ 300 กว่าปี เป็นวัดในชุมชนใหญ่ มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น กับทั้งคลองสนามชัยเป็นคลองที่เชื่อมต่อกับคลองต่างๆ หลายคลอง เช่น คลองดาวคนอง คลองบางขุนเทียน คลองลัดเช็ดหน้า คลองบางมด และคลองด่าน ซึ่งออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ และหลังวัดไทรมีสถานีรถไฟมหาชัย-วงเวียนใหญ่ผ่าน การคมนาคมสะดวก

ท่าน้ำหน้าวัดไทรจึงเป็นจุดรวมของผู้คนในการซื้อขายผลไม้ และพืชสวน ซึ่งใส่เรือมาถ่ายขึ้นบกเพื่อจำหน่ายและขนส่งต่อไปทางรถไฟ จุดนี้จึงถูกเรียกว่า "ตลาดน้ำวัดไทร"สภาพเดิมมีห้องแถวประมาณ 80 ห้อง บริเวณสองฝั่งคลองสนามชัยหน้าวัดไทร ด้านหน้าริมน้ำมีสะพานไม้ทอดยาวตลอด เพื่อเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าจากสวน ซึ่งในทุกเช้าแต่ละวันจะมีเรือประมาณ 100-150 ลำ นำสินค้าเข้ามาจำหน่าย เพื่อซื้อสินค้า

และด้วยความแปลกและเป็นแหล่งที่มีทัศนียภาพวิถีไทยอันสวยงาม ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศยาวนานเกือบ 40 ปี แต่ต่อมาได้เสื่อมค่านิยมและซบเซาลงด้วยเหตุปัจจัยมีถนนหลายสายเกิดขึ้นในพื้นที่เขตจอมทอง

ตลาดน้ำวัดไทร...หลังจากถูกทิ้งร้างให้ซบเซา ขาดความสนใจมากกว่า 30 ปีกลับคืนความสดใสมีทัศนียภาพ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สวยงาม ร่มรื่น น่าสัมผัส น่าชื่นชมอีกครั้งหนึ่ง เมื่อกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการปรับปรุง ฟื้นฟูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ที่มีการคมนาคมสะดวกซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางท่องเที่ยว ได้ทั้งในบรรยากาศทางบกและทางน้ำเส้นทางสายประวัติศาสตร์

ต่อมาปีพ.ศ.2545 สำนักงานเขตจอมทองได้ดำเนินการจัดทำโครงการฟื้นฟูตลาดน้ำวัดไทรและแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เขตจอมทองขึ้น เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2545 ภายในงานมีการแสดงต่างๆ เช่น การแสดงโขนจิ๋ว และการแสดงของเด็กนักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตจอมทอง การแสดงเล่นเรือของศิลปินแห่งชาติ นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรมากมายบริเวณหน้าตลาดน้ำวัดไทร และการจัดล่องเรือชมวิถีชึวิตสองฝั่งคลอง ชมโบราณสถานและสถาปัตยกรรมล้ำค่าของวัดต่างๆ ในพื้นที่ เช่น วัดราชโอรสารามฯ วัดนางนองวัดหนัง วัดบางประทุนนอก ชมการแสดงสวนงู

จากการดำเนินการจัดการท่องเที่ยวในพื้นที่เขตจอมทองและตลาดน้ำวัดไทรอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่เขตจอมทองเป็นจำนวนมาก โดยการล่องเรือชมทัศนียภาพและสภาพชีวิตของชุมชนตามแนวลำคลอง โดยการเช่าเหมาเรือ

ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวทางเรือมักเป็นช่วงเช้า ซึ่งเดินทางมาถึงคลองด่านหลัง 8 นาฬิกาเป็นต้นไป และกลับออกไปก่อนเที่ยงวัน โดยทุกกลุ่มมักมีเป้าหมายในการท่องเที่ยวที่วัดไทร ซึ่งสำนักงานเขตจอมทองกำลังฟื้นฟูตลาดน้ำวัดไทร ในช่วงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ นักท่องเที่ยวสนใจในการถ่ายรูป และซื้อสินค้าและผลไม้ รวมทั้งการรับประทานอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ การซื้อของที่ระลึกในร้านค้า

สำหรับจุดที่น่าสนใจวัดไทร ชมตำหนักทอง ศิลปกรรมไทยอันงามวิจิตร ลงรักปิดทองทั้งด้านนอกและด้านใน ซึ่งพระเจ้าเสือทรงผ่านพระตำหนักนี้จากพระบรมมหาราชวังมาสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อครั้งเสด็จทางชลมารคผ่านคลองสนามชัย คลองเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา หอระฆังโบราณ และโบสถ์ 2 สมัย คลองสนามชัย และสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านในท้องถิ่นสองฝั่งคลอง

วัดไทร วัดที่สร้างสมัยอยุธยา ประดิษฐานพระพุทธรูปสลักหินทรายสีแดงปางต่าง ๆ และมี “ตำหนักทอง” ซึ่งพระเจ้าเสือทรงพระราชอุทิศให้เป็นกุฏิสงฆ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์เมื่อครั้งเสด็จทางชลมารคผ่านคลองสนามชัยอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีหอกลองเก่า หอระฆังโบราณ โบสถ์ 2 สมัย

วัดบางประทุนนอก...ชมความงามของพระอุโบสถบริเวณวัดที่สวยงามริมฝั่งคลองสนามชัย ถนนเอกชัย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง

วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร...วัดประจำรัชกาลที่ 3 ชมศิลปะสถาปัตยกรรมไทย-จีนที่งดงาม เก๋งจีนราชโอรสที่ประทับรัชกาลที่ 3 ตุ๊กจีนล้ำค่า ตำรายาโบราณและสัมผัสความร่มรื่นบริเวณวัดริมฝั่งคลองสนามชัย ถนนจอมทอง แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง

วัดนางนองวรวิหาร...นมัสการพระพุทธรูปทรงเครื่อง พระประธานทรงเครื่องจักรพรรดิ์ ชมความงามภาพเขียนพุทธประวัติและเรื่องสามก๊กที่งดงามตระการตาและศิลปกรรมไทยริมฝั่งคลองสนามชัย ถนนวุฒากาศ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง

วัดหนังราชวรวิหาร...วัดในราชินิกูลรัชกาลที่ 3 โบราณสถานสวยงาม นมัสการหลวงปู่เฒ่าริมฝั่งคลองสนามชัย ถนนวุฒากาศ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง

สวนงู...ชมการแสดงสาธิตการจับงู ดูสัตว์ต่างๆ ซื้อสินค้าพื้นเมือง ผ้าไหมและของที่ระลึก ริมฝั่งคลองด่าน แขวงบางค้อ


รายละเอียดเกี่ยวกับตลาดน้ำวัดไทร
ที่ตั้ง : ถนนเอกชัยซอย 23 (ซอยวัดไทร) แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง
การเดินทาง :
รถยนต์ส่วนตัว เส้นที่ 1 จากวงเวียนใหญ่-ถนนตากสิน-ถนนจอมทอง-ถนนเอกชัย-วัดไทร และ เส้นที่ 2 จากถนนกาญจนาภิเษก-ถนนเอกชัย-วัดไทร
รถประจำทาง รถประจำทางสาย 43 จาก ร.ร.ศึกษานารี 2 - ถนนเอกชัย (วัดไทร) - ถนนวุฒากาศ-ถนนเทิดไท-ถนนอินทรพิทักษ์-วงเวียนใหญ่-ถนนลาดหญ้า-สะพานพุทธ-เสาชิงช้า-เทเวศร์ และ รถประจำทางสาย 120 จากมหาชัยเมืองใหม่ - ถนนเอกชัย (วัดไทร) - ถนนจอมทอง-ถนนตากสิน-วงเวียนใหญ่-ถนนลาดหญ้า-ท่าน้ำคลองสาน
รถไฟ โดยเส้นทางสายมหาชัย-วงเวียนใหญ่ ลงที่สถานีย่อยวัดไทร
เรือ จากท่าเรือท่องเที่ยวบริเวณท่าช้าง ล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่คลองดาวคะนอง-คลองบางขุนเทียน-คลองลัดผ้าเช็ดหน้า-คลองบางมด-คลองสนามชัย มุ่งสู่ (ตลาดน้ำวัดไทร) จากตลาดน้ำวัดไทร-คลองด่าน-สวนงู-กลับคลองสนามชัย-คลองดาวคะนอง-แม่น้ำเจ้าพระยาหรือคลองสนามชัย-คลองด่านคลองบางกอกใหญ่แม่น้ำเจ้าพระยา

สอบถามรายละเีอียดเพิ่มเติมได้ที่
วัดไทร โทร. 0-2415-1926
สำนักงานเขตจอมทอง โทร. 0-2427-1240 , 0-2427-2738 , 0-2427-6672
      
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
วัดบางประทุนนอก     โทร. 0-2415-2726
วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร     โทร. 0-2415-3327
วัดนางนองวรวิหาร     โทร.0-2476-2612
วัดหนังราชวรวิหาร      โทร.0-2468-0922
สวนงู      โทร.0-2467-5665,0-2457-3241
    
แหล่งข้อมูล : Rajabhat Institute, thaimtb.com และ galico.com
เรียบเรียงโดย www.roigoo.com  
กระทู้เที่ยวกรุงเทพที่ดีที่สุด : 42 สุดยอดสถานที่เที่ยวในกรุงเทพ ไปชิวๆ แบบเช้าไป-เย็นกลับ

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์และธรณีวิทยา ในปทุมธานีที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์และธรณีวิทยา ในปทุมธานีที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์และธรณีวิทยาเป็สถานที่ที่พึ่งเปิดขึ้นมาใหม่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง และหลายคนยังไม่รู้และยังไม่เคยไป สำหรับคนที่มีลูกหลานนต้องรีบไปกันเลยนะครับ เพราะว่าเด็กๆทุกคนเขาชอบไดโนเสาร์ด้วยกันทั้งนั้นไม่รู็ทำไมเหมือนกัน พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์และธรณีวิทยาอยู่ในจังหวัดปทุมธานีครับเรียกได้ว่าเป็นสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพอีกที่หนึ่งเหมือนกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ลองไปชมกันเล้ยยย!!!!

"ที่สุดยอด ๆๆๆๆๆๆ มากที่สุด  เป็นห้องจำลองยุคไดโนเสาร์
เป็นห้องทรงกลมขนาดใหญ่สูง 2 ชั้น  มีจอภาพขนาดใหญ่บนผนังห้อง
 และมีไดโนเสาร์ที่ขุดค้นพบในประเทศไทย ทั้งหมด 4 ชนิด
สามารถขยับเคลือนไหวได้เหมือนจริง (แต่ไม่ได้เดินค่ะ ขยับอยู่กับที่)
แค่ขยับแขน  คอ อ้าปาก ร้องเสียงดัง .... ลูกชายก็บอกเลยว่า
...น่ากลัวจะตายอยู่แล้ว!!!!!! "



นายปราณีต ร้อยบาง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ นอกจากจัดตั้งขึ้นเพื่อถวายราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นสถานที่อนุรักษ์แหล่งข้อมูลอ้างอิงและตัวอย่างสำคัญทางธรณีวิทยา ซึ่งสามารถศึกษาค้นคว้าหา ความรู้ถึงบทบาทและความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และการพัฒนาประเทศ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 245 ไร่ บริเวณคลอง 5 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆได้แก่ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการภายใน ประกอบด้วยนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และพระราชกรณียกิจด้านธรณีวิทยาและธรณีพิบัติภัย, ธรณีวิทยาทั่วไป รวมทั้งประวัติ กรมทรัพยากรธรณี ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงสวนดึกดำบรรพ์ ได้แก่ สวนไดโนเสาร์ ที่มีการเคลื่อนไหวได้ ทั้งไดโนเสาร์สายพันธุ์กินพืชและกินเนื้อ ในส่วนที่ 2 จัดเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการกลางแจ้งและภูมิทัศน์ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ให้ความรู้ และดึงดูดความสนใจในเรื่องธรณีวิทยา  แร่  หิน  และอุทยานไดโนเสาร์ สิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่โดดเด่นในอดีตกาลนานกว่า 100 ล้านปี โดยจะเปิด บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dmr.go.th





รูปภาพจาก topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/06/E10679717/E10679717.html
เรียบเรียงโดย www.roigoo.com ข้อมูลจาก ไทยรัฐ
กระทู้เที่ยวกรุงเทพที่ดีที่สุด : 42 สุดยอดสถานที่เที่ยวในกรุงเทพ ไปชิวๆ แบบเช้าไป-เย็นกลับ

พิพิธภัณฑ์สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดกรุงเทพมหานคร ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน

ไทยแลนด์บุ๊คทาวเวอร์ เมืองหนังสือ อยู่ที่ไหนเบอร์โทรอะไร

หลายคนคงยังไม่รู้จักสถานที่เที่ยวที่นี่ในกรุงเทพ มันคือไทยแลนด์บุ๊คทาวเวอร์ เป็นสิ่งที่ถูกออกแบบมาแล้วเรียกว่าเป็นเมืองหนังสือ ด้วยแนวคิดที่อยากให้กรุงเทพของเราเป็นเมืองหนังสือ เลยต้องการพัฒนาให่มีผู้อ่านหน้าใหม่เกิดขึ้น ลองมาดูกันครับว่าไทยแลนด์บุ๊คทาวเวอร์นั้นอยู่ที่ไหนและมีบเบอร์โทรติดต่ออย่างไร ไม่ธรรมดาเลยสำหรับคนที่คิดสิ่งที่เป็นประโยชน์แบบนี้กับคนอื่นได้ ลองเข้าไปเยี่ยมชมกันได้แล้ววันนี้


นับความสำเร็จทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ คงจะชี้วัดกันที่ปัจจัยหลายอย่าง เช่น ตัวเลขจีดีพี หรือรายได้เฉลี่ยของประชากร ฯลฯ
       
       แต่หากดูให้ดีแล้วจะพบว่า ประเทศที่พัฒนาและเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ล้วนมีสิ่งหนึ่งเหมือนกันคือ รากฐานวัฒนธรรมการอ่านอย่างเข้มแข็ง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เราจึงเห็นร้านหนังสือขนาดใหญ่และห้องสมุดจำนวนมากที่มีหนังสือหลากหลายในต่างประเทศ
       
       แม้จะมีการสำรวจพบว่าคนไทยเรามีอัตราเฉลี่ยอ่านหนังสือปีละไม่กี่บรรทัด แต่จำนวนผู้คนที่ล้นหลามในงานบุ๊ค เอ็กซ์โปที่จัดขึ้นเป็นประจำปีละ 2 ครั้ง คงสะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนาการอ่านในบ้านเราคงยังไม่สิ้นหวังนัก และข่าวดีสำหรับบรรดาหนอนหนังสือคือ อีกไม่นานนี้ ประเทศไทยกำลังจะมี "บุ๊ค ทาวเวอร์" อาคารที่เป็นดั่งเมืองในฝันของคนรักหนังสือแห่งแรกในเมืองไทย
       
       "บุ๊ค ทาวเวอร์" คืออะไร
       
       ใครที่เคยเดินทางไปต่างประเทศ คงจะเคยเห็นอาคารในลักษณะแบบที่เรียกว่า "บุ๊ค ทาวเวอร์" ที่เป็นตึกสูงภายในอาคารเต็มไปด้วยหนังสือมากมาย รอให้ผู้คนมาเลือกซื้อหาไม่ต่างไปจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ผิดแต่ที่สินค้าภายในมีเฉพาะหนังสือล้วนๆ เท่านั้น
       
       ส่วน "บุ๊ค ทาวเวอร์" แห่งแรกในเมืองไทย ที่กำลังจะเปิดอย่างเป็นทางการในต้นปี 2549 ข้างหน้านี้ เป็นโครงการ "Thailand book Tower" ของบริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ที่มีคอนเซ็ปต์ว่า "อยากรู้ ได้รู้"
       Thailand Book Tower (TBT) บนอาคารเกษตรรุ่งเรืองถนนสาทรเหนือ เป็นเมืองหนังสือแนวตั้ง 9 ชั้น ที่มีพื้นที่กว่า 6,000 ตร.ม. นับเป็นแหล่งจำหน่ายหนังสือที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยรวบรวมหนังสือและนิตยสารจากสำนักพิมพ์ต่างๆ มาไว้ในหลังคาเดียว เพื่อสร้างชุมชนรักการอ่านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยให้บริการผู้รักการอ่านอย่างครบวงจรในรูปแบบ Speciality Store และ Book Tower

      
      ชาญวิทย์ จารุสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-การตลาด ดั๊บเบิ้ล เอ กล่าวถึงไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ นี้เกิดจากแนวความคิดที่ว่ายังมีคนไทยอยู่เป็นจำนวนมากที่รักการอ่านหนังสือ โดยสังเกตได้จากจำนวนผู้เข้าร่วมงานสัปดาห์หนังสือฯ หรือมหกรรมหนังสือในแต่ละปีมีถึงล้านกว่าคน และในขณะเดียวกันก็ยังมีหนังสือดีๆ อยู่มากมายหลายเล่มที่ยังขาดโอกาสในการโชว์ตัวเอง หรือ visual display ออกมาถึงกลุ่มผู้อ่าน ดังนั้นทางบริษัทจึงได้ริเริ่มแนวคิดดังกล่าว และได้รับความร่วมมือจากสำนักพิมพ์หลายแห่งในประเทศไทย ก่อตั้ง เมืองหนังสือหรือไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ แห่งนี้ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักอ่านและประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสพบกับหนังสือดีๆ
       
       "และเพื่อเสริมสร้าง reading skill ของคนไทย เพื่อนำไปสู่ความเป็น reading society ที่ควรจะสร้างให้เกิดในสังคมไทยเร็วที่สุด อันจะสอดคล้องกับนโยบายของทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ที่ต้องการจะผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็น World Book Capital ให้ได้ในปี 2008 ด้วยเช่นกัน" ชาญวิทย์เสริม
       
       โดยก่อนหน้านี้ทางโครงการได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาคารหนังสือในต่างประเทศมาแล้ว และได้นำแนวทางการบริหารงาน รวมถึงการจัดวางหนังสือแต่ละชั้น มาปรับใช้ให้เข้ากับคนไทย
       
       "พบว่าในประเทศอย่างญี่ปุ่นก็มีตึกของคิโนะคุนิยะ (Kinokuniya) ประเทศมาเลเซียก็เป็น franchise ของ Borders โดยกลุ่ม Berjaya ซึ่งเปิดร้านที่ Berjaya Times Square ในกัวลาลัมเปอร์ เป็นร้านหนังสือใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย และเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดของ Borders ทั่วโลก พื้นที่ 60,000 ตร.ฟุต ด้วยสินค้ากว่า 200,000 รายการ และสหรัฐเมริกาก็ไปศึกษาที่ บอร์ดเดอร์ (Borders), บาร์นส์ แอนด์ โนเบิล (Barnes & Noble) ร้านหนังสือเหล่านี้เป็นร้านขนาดใหญ่และมีหนังสือหลากหลายเป็นจำนวนมาก มีการจัด Display โชว์หนังสือแต่ละเล่มได้อย่างน่าสนใจ ทำให้ผ่านตาผู้ที่เข้าไปใช้บริการได้ง่าย ซึ่งตรงจุดนี้เราก็จะดึงเอาความโดดเด่นของแต่ละแห่ง ในจุดที่เหมาะกับบ้านเรามาปรับใช้ด้วย"
       
       สำหรับเอกลักษณ์ของไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ นี้มีความแตกต่างและโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งด้านประเภทของหนังสือ รูปแบบของอาคาร การจัดแบ่งโซนต่างๆ สำหรับกลุ่มเป้าหมาย จำนวนหนังสือที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญคือมีผู้เชี่ยวชาญด้านหนังสือมาให้บริการตอบคำถามและคำปรึกษาเกี่ยวกับหนังสือ รวมทั้งยังมีระบบซอฟต์แวร์ที่สามารถค้นหาหนังสือในละชั้นได้ โดยบอกถึงชั้นที่วางหนังสือของแต่ละโซนเลยทีเดียว ทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการของไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์นี้ สะดวกและรวดเร็ว สามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร
       
       "จะเห็นว่าในด้าน Functional นั้น TBT เมืองหนังสือแห่งใหม่แห่งแรกของไทย มีพื้นที่ 9 ชั้น ขนาดพื้นที่รวมประมาณ 6,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนสาทร ใจกลางย่านธุรกิจและการศึกษา มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเพื่อเป็นงานศิลปะบนถนนสาทร งานดีไซน์อาคารต้องการสื่อถึงความเป็นเมืองหนังสือ รีดดิ้ง โซไซตี้ (Reading Society) ของคนไทย ภาพลักษณ์ของอาคารจะผสมผสานความเป็นหนังสือและหลักศิลาจารึก ในรูปลักษณ์ที่ทันสมัย โดยภายในอาคารจะเน้นการดีไซน์ ให้ทุก ๆ ชั้น เป็นเมืองหนังสือในแนวโมเดิร์น ที่เข้าถึงทุกกลุ่ม"
       
      ยิ่งไปกว่านั้น TBT ยังมีเอกลักษณ์ที่สำคัญคือ เป็นแหล่งรวมร้านหนังสือหลายแห่งและจากสำนักพิมพ์ต่างๆ มากที่สุดในประเทศไทย ทำให้มีความหลากหลายของหนังสือและนิตยสารในแต่ละประเภท รวมถึงมุมหนังสือหายาก ที่ผู้อ่านสามารถมาเลือกสรรได้ ที่สำคัญคือจะเป็นเมืองหนังสือที่มี กิจกรรมกระตุ้นต่อมความคิดของเยาวชนและครอบครัวทุกๆ วันตลอดทั้งปี ทำให้เป็นเมืองหนังสือที่เต็มไปด้วยสีสันและมีชีวิต สามารถกลับแวะเวียนเข้ามาได้ทุกวัน รวมทั้งมีบริการค้นหาหนังสือที่ต้องการได้ง่าย ด้วยระบบ Search Engine พร้อมทั้งมีพนักงานที่เป็น Book Specialists และ Book Consultants คอยให้คำแนะนำหนังสือที่ต้องการ
       
       "ส่วนทางด้าน Emotional นั้น บรรยากาศภายเน้นความสบายในการอ่าน ทำให้การอ่านและการเลือกหนังสือเสมือนการพักผ่อน เพื่อให้เมืองหนังสือแห่งนี้เป็นแหล่งรวมผู้รักการอ่านทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นเยาวชน วัยรุ่น ครอบครัว นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่รักการอ่าน และ Hub ของนักอ่าน นักเขียน และคนรักหนังสือทั้งหลาย"
       
       ทั้งนี้ ชาญวิทย์ได้ชี้ถึงข้อแตกต่างของ TBT กับร้านหนังสือขนาดใหญ่บนห้างที่กำลังจะเปิดอีกหลายแห่งว่า มีจุดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในด้านของกลุ่มลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการและหนังสือจากแต่ละสำนักพิมพ์ที่มีจำนวนจำกัด
       
       "กลุ่มลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการร้านหนังสือในห้างนั้น ก็จะไปเดินร้านหนังสือเพื่อฆ่าเวลา ไม่ได้เจาะจงที่จะไปอ่านหรือซื้ออย่างจริงจัง ในขณะที่ TBT มีพื้นที่สำหรับสำนักพิมพ์ต่างๆ โดยเฉพาะ ทำให้สามารถนำหนังสือที่มีอยู่มาไว้รองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีความหลากหลายและได้เปรียบในเชิงลึกมากกว่าร้านที่ไปกระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้า และกลุ่มลูกค้าเองก็เป็นกลุ่ม Lover Book โดยเฉพาะ ที่ต้องการมาเพื่อซื้อหรืออ่านหนังสือ รวมทั้งหวังที่จะให้เป็นแหล่งรวมของบรรดานักเขียน นักอ่านได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้อย่างอิสรเสรี"
       
       และด้วยความที่สถานที่นี้อยู่ในแหล่งสถานศึกษา ก็จะทำให้เกิดศูนย์กลางของครอบครัว ที่คุณพ่อ คุณแม่สามารถมานั่งอ่านหนังสือเพื่อรอรับลูก หรือเด็กๆ จะเข้ามาทำกิจกรรมกระตุ้นต่อมความคิดที่ทาง TBT จัดเอาไว้ให้ได้ทุกๆ วัน
       
       หนอนหนังสือ สายส่ง สำนักพิมพ์เฮรับ
       
       ล่าสุดมีสำนักพิมพ์หลายแห่งที่ตอบรับมาร่วมกับทางโครงการไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ หรือ TBT อาทิ อักษรา ฟอร์ คิดส์, อทิตตา, หมอชาวบ้าน, สยามอินเตอร์, สุขภาพใจ, มติชน, แสงดาว, แบร์, อนิเมท, สารคดี, มูลนิธิเด็ก, ดวงกมล, พัฒนาศึกษา, นานมีบุ๊คส์, แปลนฟอร์คิดส์, ชมรมบัณฑิตแนะแนวและไทยวัฒนาพาณิชย์, กลุ่มสนพ.ทางเลือก 14 สนพ. ได้แก่ โกมลคีมทอง, โอเพนบุ๊คส์, สวนเงิน ฯลฯ และยังมีสำนักพิมพ์ที่ฝากจำหน่ายอีกหลายแห่ง และคาดว่าจะทยอยตอยรับมาอีกเรื่อยๆ
       
       สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือกสำนักพิมพ์ต่างๆ ในการเช่าพื้นที่นั้น ชาญวิทย์รับประกันว่าให้โอกาสสำนักพิมพ์ทุกขนาดอย่างเท่าเทียม ส่วนทางด้านราคาค่าเช่าพื้นที่จะเป็นการตกลงแบบ Win – Win ของทั้งไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ และเจ้าของพื้นที่ ซึ่งจะได้รับส่วนแบ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด
       
       "เราไม่ได้คัดเลือกผู้เข้ามาเช่าพื้นที่ตามขนาดหรือความมีชื่อเสียง แต่จะเป็นลูกค้าที่พูดคุยกันแล้วมีความคิดตรงกันคือต้องการผลักดันให้เกิดเมืองหนังสือให้กับสังคมไทย ต้องการสร้าง Reading Society ร่วมกัน รวมถึงการร่วมกันสนับสนุนอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทยให้พัฒนาขึ้นไปอีก เพราะเมืองหนังสือหรือไทยแลนด์ บุ๊ค ทาวเวอร์ นี้ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหม่และยิ่งใหญ่ในเมืองไทย"
       
       โดยผู้ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่ของ TBT เป็นสำนักพิมพ์ที่มีความถนัดในเนื้อหาของหนังสือที่แตกต่างกันออกไป และต้องการสร้างจุดขายและสร้างความแตกต่างของหนังสือในสำนักพิมพ์ตัวเองออกมา เพราะแต่ละสำนักพิมพ์จะมีพื้นที่ร้าน หน้าร้าน สามารถสร้างสรรค์รูปแบบที่จะพรีเซ้นท์หนังสือของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และเจ้าของพื้นที่ที่ไม่ใช่สำนักพิมพ์ก็มีเช่นเดียวกัน แต่จะเป็นบริการเครื่องดื่มหรืออาหารว่างมากกว่า เพราะจะมี Food Zone เต็มรูปแบบอยู่ที่ชั้น 7 อยู่แล้ว
       
       ชาญวิทย์กล่าวต่อไปว่าในส่วนที่เป็นสำนักพิมพ์ ณ ตอนนี้เริ่มมีรูปแบบของจุดเด่นคร่าวๆ บ้างแล้ว อาทิ สนพ.เคล็ดไทย พื้นที่ 50 ตร.ม. มีจุดขายอยู่ที่หนังสือเป็นมีหนังสือหายากและมีเสน่ห์ในตัวเอง ซึ่งแต่เดิมก็มีแฟนคลับหนังสือของสำนักพิมพ์นี้เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว, สนพ.แสงดาว พื้นที่ 32 ตร.ม. มีจุดขายคือหนังสือ พล นิกร กิมหงวน, สนพ.นานมี บุ๊คส์ พื้นที่ 80 ตร.ม. จุดขายอยู่ที่จัดร้านเป็น library book shop, สนพ.แบร์ พื้นที่ 25 ตร.ม.จุดขายอยู่ตรงที่เป็น Mystery Shop เหมาะสำหรับกลุ่มที่ชอบอ่านหนังสือแนวลึกลับ ส่วนทางด้าน สนพ.แปลนทอยส์ พื้นที่ 36 ตร.ม. มีจุดเด่นมากตรงที่เป็นศูนย์รวมของผลิตภัณฑ์ของเด็กเล่นที่มีสินค้ามากที่สุดถึงกว่า 300 SKU(items) ซึ่งถือเป็นพื้นที่แรกในไทยของแปลนทอยส์เลยทีเดียว
       
       ไม่เพียงแค่สำนักพิมพ์เท่านั้น สายส่งขนาดใหญ่อย่าง "เคล็ดไทย" เองก็สนใจมาเข้าร่วมและสนับสนุนโครงการนี้เช่นกัน ซึ่ง วินัย ชาติอนันต์ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคล็ดไทย จำกัด ก็ได้เข้าไปเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาโครงการ TBT นี้ด้วย โดยวินัยได้ให้เหตุผลว่า เนื่องจากข้อเท็จจริงที่เป็นที่ทราบกันดีในวงการหนังสือ ถึงพื้นที่และระยะเวลาในการวางจำหน่ายหนังสือในแต่ละร้านที่มีจำกัด จัดเป็นระยะ "3 เดือนอันตราย" ถ้าขายไม่ดีก็อยู่ไม่ได้
       
       "แต่ระบบของผม ผมให้โอกาสร้านหนังสือเป็นปีเลยนะ ตามเงื่อนไขสัญญาที่แลกเปลี่ยนกับสำนักพิมพ์ที่เอาหนังสือมาให้เราวาง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับร้านด้วย ถ้าร้านเขาให้ความสำคัญกับหนังสือ แต่ที่ผ่านมามันไม่ได้ หลายสำนักพิมพ์ที่เราส่งหนังสือให้กับเขา เขาก็เปรยๆ มาเหมือนกันว่า ร้านค้าบางแห่งไม่มีพื้นที่ให้กับหนังสือของเขาเลย อย่างร้านเชนบางร้านก็ให้ความสำคัญกับหนังสือ บางร้านก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ ทั้งที่ผมให้โอกาสในการขายหนังสือแต่ละเล่มเป็นปี เคลียร์บัญชีและเคลียร์ยอดขายทุกๆ เดือน แต่หนังสือบางเล่มบางที 2-3 เดือนก็ตีกลับมาแล้ว ก็มีปัญหาไม่มีที่ระบายอีก"
       
       "ปัญหาคือเราเป็นสายส่ง เราก็อยากจะให้มีจุดขายที่จะวางหนังสืออย่างต่อเนื่อง ถ้าให้วางเสียหน่อยมันก็จะได้ขาย สังเกตดูหลายๆ เล่ม ถ้าเราให้โอกาสขายมันขายได้จริงๆ หรือไปขายในงานมหกรรมก็ตาม คือการลดมันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญเหมือนกัน แต่ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนังสือมันไม่มีโอกาสให้คนได้เห็น ที่ผ่านมาเราเป็นสายส่ง ไม่มีหน้าร้าน การมีบุ๊คทาวเวอร์จะเป็นการให้โอกาสหนังสือแต่ละสำนักพิมพ์ที่เขาไม่มีที่วางในร้าน ให้เขาไปอยู่จุดที่เรามีพื้นที่ เพื่อจะได้เห็นว่าหน้าตาหนังสือเป็นอย่างไร เห็นว่าแนวคิดของนักเขียนเป็นอย่างไร ผมว่ามันได้ประโยชน์ตรงนั้น"
       
       การมีบุ๊คทาวเวอร์ในเมืองไทยจึงเป็นโอกาสอันดีของสำนักพิมพ์เล็กๆ ซึ่งแม้จะไม่มีเงินทุนเปิดร้าน แต่ก็มีพื้นที่ขนาดใหญ่ให้วางหนังสือฝากขายได้นานๆ
       
       "เบื้องต้นมันมีพื้นที่เปล่าสำหรับรองรับหนังสือของสำนักพิมพ์ที่ยังไม่พร้อมจะลงทุนเช่าพื้นที่มีร้านของตัวเอง ซึ่งตรงนี้จะเป็นศูนย์กลางที่จะรับหนังสือจากสำนักพิมพ์เล็กๆ เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เขาจะจัดหมวดหมู่และประเภทหนังสือให้ ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อหนังสือของบางสำนักพิมพ์ที่อาจไม่มีที่ยืน หรือหลุดจากแผงจากร้านค้าบางแห่ง และเป็นโอกาสให้กับคนอ่านที่ต้องการหนังสือที่พิมพ์มาแล้วหลายปีแต่หาตามร้านทั่วไปไม่ได้"
       
       ส่วนประเด็นที่เกรงกันว่าการมีบุ๊คทาวเวอร์จะยิ่งไปซ้ำเติมร้านหนังสือรายย่อย วินัยก็คำนึงถึงจุดนี้อยู่เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขามองในแง่ที่เป็นผลดีต่อภาพรวมวงการหนังสือไทย
       
       "จริงๆ แล้วที่ผมมองคือ ถ้าไปตกกระทบกับร้านเล็กๆ คงไม่เหมาะ แต่ถ้าร้านหนังสือมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะวางหนังสือได้ทุกเรื่องทุกเล่ม ตรงนี้ก็เป็นการให้พื้นที่ขายหนังสือที่ไม่มีพื้นที่ของตัวเอง ผมมองเป็นเรื่องของการเอื้อประโยชน์มากกว่า ถ้ามองในแง่ดีมันก็เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่สำนักพิมพ์ที่ยังไม่พร้อมจะมีที่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมันมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ตึก TBT เขาเปิดโอกาสให้สำนักพิมพ์ที่พร้อมจะมาลงในการเปิดร้านเช่าพื้นที่ ซึ่งมันก็สามารถเอื้อประโยชน์ให้สำนักพิมพ์ขนาดเล็กถึงขนาดกลางได้"
       
       เมื่อสำรวจจากกระแสตอบรับของบรรดาหนอนหนังสือ ส่วนใหญ่ต่างยินดีและเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว เช่น สมาชิกในเว็บบอร์ดโต๊ะห้องสมุด เว็บไซต์พันทิป แหล่งชุมนุมนักอ่านนักเขียนแหล่งใหญ่ในโลกไซเบอร์ ซึ่งต่างให้ความสนใจและตั้งตารอไปเดินชมและเลือกซื้อหนังสือเมื่อ TBT เปิดให้บริการในปีหน้า แม้จะมีบางส่วนเป็นกังวลว่าการมีบุ๊คทาวเวอร์ในเมืองไทย อาจส่งผลกระทบต่อร้านหนังสือเล็กๆ ขนาดย่อย เช่นดังกรณีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
       
       ทั้งนี้ "บุ๊คทาวเวอร์" หรือเมืองหนังสือในฝันที่ชาวห้องสมุดต้องการ ควรจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ คือ หนึ่ง สามารถหาซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์เล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยวางขายทั่วไป หรือหนังสือที่ออกมานานแล้วได้, สอง มีฐานข้อมูลส่วนกลางให้หาว่าหนังสือที่ต้องการมีวางขายร้านใด และขายราคาเท่าไร, สาม มีหนังสือทุกเล่มที่พิมพ์ขาย ไม่ใช่ขายเฉพาะแต่ของสนพ. ใหญ่, สี่ มีบริการสั่งซื้อ ในกรณีที่เป็นหนังสือต่างประเทศ, ห้า มีส่วนลดให้ผู้ซื้อ มีบริการจัดส่ง มีห่อปก มีมุมให้นั่งอ่าน มุมกาแฟ ฯลฯ และสุดท้าย มีการจัดลดราคาครั้งมโหฬารปีละสองครั้ง แล้วยุบสัปดาห์หนังสือฯ ที่หลายคนมองว่าเป็น "สัปดาห์ลดราคาหนังสือ" ไปซะ
       
       "พูดง่าย ๆ คือเอาร้านหนังสือทั้งหมดตอนนี้มารวมกัน บวกฐานข้อมูลของทุกร้าน บวกส่วนลดหรือบริการ... เอาเป็นว่า ถ้าเปลี่ยนจากโครงการสร้างบุ๊คทาวเวอร์บนพื้นที่ 6000 ตร.ม. เป็นห้องสมุดขนาด 3000 ตร.ม. คงจะดีเลิศประเสริฐศรีกว่านี้" นักอ่านตัวยงผู้ที่ใช้นามจอว่า "ติ่ม" กล่าว
       
       แต่ในวันที่บ้านเรายังเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ไม่สำเร็จ ความหวังของนักอ่านไทยที่ต้องการมีห้องสมุดในฝันคงต้องรอไปก่อน อย่างน้อย...การมีบุ๊คทาวเวอร์ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความฝันถึงเมืองหนังสือในอนาคต
       
       *******
       
       มีอะไรใน "บุ๊ค ทาวเวอร์"
       
       ชั้น 1 "Top Hit Zone" โซนหนังสือขายดีและหนังสือแนะนำที่คัดสรรแล้วจากทุกสำนักพิมพ์ นอกจากนี้ยังมีนิตยสาร หนังสือพิมพ์ เครื่องเขียน บริการถ่ายเอกสาร ไปรษณีย์ และร้านกาแฟ
       ชั้น 2 "Feeling Zone" โซนวรรณกรรมนานาประเภท และอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
       ชั้น 3 "Living Zone" โซนหนังสือวาไรตี้ และไลฟ์สไตล์
       ชั้น 4 "Kids Zone" โซนหนังสือสำหรับเด็ก แม่และเด็ก และมุมของเล่น
       ชั้น 5 "Brain Zone" โซนตำราทุกประเภท
       ชั้น 6 "World Zone" โซนหนังสือภาษาต่างประเทศ
       ชั้น 7 "Food Zone" โซนอาหารและเครื่องดื่ม 300 ที่นั่ง
       ชั้น 8 "Activity Zone" พื้นที่จัดกิจกรรม อาทิ สัมมนา เปิดตัวหนังสือใหม่
       ชั้น 9 "Learning Zone" โซนแห่งการเรียนรู้ ทั้งภาษา ดนตรี และศิลปะ สำหรับสนพ. และผู้ประกอบการ

เที่ยวสยามโอเชี่ยนเวิลด์ ราคาบัตรเท่าไร อยู่ที่ไหน ต่างกับที่พัทยาอย่างไร

เที่ยวสยามโอเชี่ยนเวิลด์ ราคาบัตรเท่าไร อยู่ที่ไหน ต่างกับที่พัทยาอย่างไร

ถือว่าเป็นที่เที่ยวที่มีราคาบัตรสูงระดับหนึ่งเลยทีเดียว ราคาบัตรเท่าไรของสยามโอเชี่ยนเวิลด์ต้องขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นด้วยนะครับ ถ้าถามว่าสยามโอเชี่ยนเวิลด์อยู่ที่ไหนต้องบอกว่าอยู่ใจกลางเมืองตรงสนามนั่นละครับ ถ้าให้ผมลองเปรียบเทียบกับที่พัทยาแล้วตอบได้เลยว่าสยามโอเชี่ยนเวิลด์ที่กรุงเทพดีกว่ามากมาก แต่ราคามันก็ต่างกันมากมากด้วยเช่นกันครับ น้องๆที่ไหมเคยไปน่าจะลองไปดูซักครั้งครับผม 


สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวอ่านี้เลยจ้า
งอยู่ชั้นบี 1 และบี 2 ในศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามสแควร์ เป็นอุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   จัดแสดงสัตว์น้ำจากทั่วโลกกว่า 30,000 ตัว 400 กว่าชนิด รวมทั้งสัตว์น้ำที่หายากของโลก ในพื้นที่ถึง 10,000 ตารางเมตรหรือประมาณสนามฟุตบอล 2 สนาม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้มาตรฐานโลก ในบรรยากาศที่จัดกลมกลืนเหมือนอยู่ใต้ท้องทะเลเพื่อให้เป็นแหล่งความรู้ความบันเทิงสำหรับเยาวชนและนักท่องเที่ยว  สยามโอเชี่ยน เวิลด์ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประจำปี 2551 รางวัลดีเด่น ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการนันทนาการ   เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 450 บาท  เด็ก 280 บาท  สอบถามรายละเอียด ติดต่อ บริษัท สยามโอเชี่ยน เวิลด์ จำกัด โทร. 0 2687 2000

ที่นี่มีโซนอะไรกันบ้าง
    โซน 1 Weird and wonderful : จัดแสดงสิ่งมีชีวิตที่งดงาม และแปลกตา
    โซน 2 Deep reef : แท็งค์ปลาขนาดใหญ่เป็นแหล่งรวบรวมสิ่งมีชีวิตจากทะเลต่างๆ
    โซน 3 Living ocean : จัดแสดงการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตของทะเล
    โซน 4 Rain forest : ได้ถูกจัดเป็นป่าดิบชื้นที่มีสัตว์น้ำจืดจัดแสดง
    โซน 5 Rocky shore : จัดแสดงเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในบริเวณโขดหิน
    โซน 6 Open ocean : ทางเดินอุโมงค์ จัดแสดง อาทิ ปลาฉลาม ปลาทุกพันธุ์ และ ปลากระเบน
    โซน 7 Sea jellies :เป็นโซนสุดท้าย ได้จัดแสดงแมงกะพรุน เพื่มสีสันให้กับบรรยายกาศ

มีสัตว์น้ำอะไรที่นี่บ้างหนอ
    ปลาถ้ำตาบอด
    ปลากระเบน
    ฉลามวูเบกอง
    ฉลามงวงช้าง
    ฉลามเสือดาว
    ปลาม้าลาย
    ปลาจระเข้
    ปลาสิงโต
    ปลาหิน
    นากเล็กเล็บสั้น
    นกเพนกวิน
    ปลาตาเหลือก
    ปลาบึก
    ปลาปอดออสเตรเลีย



สามารถติดต่อได้ที่
Siam Ocean World Bangkok Co., Ltd. B1-B2 Floor, Siam Paragon, 991 Rama 1 Road, Pathumwan, Bangkok 10330 Thailand Telephone : +66 2687 2000 Facsimile : +66 2 687 2001 marketing@siamoceanworld.com 

เรียบเรียงโดย www.roigoo.com ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
กระทู้เที่ยวกรุงเทพที่ดีที่สุด : 42 สุดยอดสถานที่เที่ยวในกรุงเทพ ไปชิวๆ แบบเช้าไป-เย็นกลับ 

สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ In รามอินทรามีงานโคมไฟ ราคา แผนที่ พร้อม!!!!

สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ In รามอินทรามีงานโคมไฟ ราคา แผนที่ พร้อม!!!!

สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์อยู่บนถนนรามอินทราและสวนสนุกวันเดอร์เวิลด์อยู่ในเครือของโรงแรมพัทยาพาร์คเสียด้วย ผมเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งถึงว่าเอาไว้ช่วยแก้เบื่อได้ดีเลยทีเดียว(เสียดายที่คนน้อย) ในบางช่วงของปีเคยมีงานโคมไฟที่สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์นะครับ ราคาค่าเข้าอัพเดทล่าสุดกันที่นี่เลย แผนที่เป็นอย่างไรไม่ไกล จริงๆไม่ต้องใช้ก็ได้นะครับ อิอิ  ไม่น่าหลง555


ข้อมูลทั่วไปของสวนสนุกวันเดอร์เวิลด์
สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ ก่อตั้งโดยบริษัท พัทยา ปาร์ค บีช โฮเต็ล จำกัด  บนพื้นที่ 50 ไร่  เปิดให้บริการครั้งแรกปี พ.ศ. 2549  เครื่องเล่นหลายชนิดเป็นเครื่องเล่นที่ผลิตขึ้นเองในประเทศโดยใช้เทคโนโลยีจากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ ตั้งอยู่ตรงข้ามแฟชั่นไอส์แลนด์ ถนนกาญจนาถิเษก (รามอินทรา กิโลเมตรที่ 10) เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร เป็นสวนสนุกในเครือโรงแรมพัทยาปาร์ค มีเครื่องเล่นหลายประเภท ได้แก่

Challenge
    รถไฟเหาะทอร์นาโด (Tornado Coaster)
    รถไฟเหาะสลาลม (Roller Coaster)
    โกลคาร์ท (Go Cart)
    กระเช้าลอยฟ้า (Ferris Wheel)

Rides
    เครื่องเล่น Waltzer
    เครื่องเล่นดอกบัว (Lotus Carousel)

X-Treme
    สลิง ช็อต (Sling Shot)
    เครื่องเล่นทาวเวอร์ดรอป (Tower Drop)
    เครื่องเล่นทาวเวอร์ช็อต (Tower Shot)
    กังหันแรงเหวี่ยง (Turbo Force)

และเครื่องเล่นอื่นๆ อีก เช่น ม้าหมุน (Revolving Horse), วัวกระทิง (Rodeo Bull), ช้างบิน (Flying Elephant) ที่เน้นความสนุกสนานแต่ไม่ผาดโผน หรือจะพักผ่อนแบบสบายๆ และชมบรรยากาศบนกระเช้าลอยฟ้าติดแอร์เย็นฉ่ำ ซึ่งมีความสูงถึง 55 เมตร ใช้เวลาหมุนรอบละประมาณ 15 นาที บรรยากาศโรแมนติกเหมาะสำหรับคู่รัก

ส่วนผู้ที่นิยมความผาดโผนต้องไม่พลาดเครื่องเล่น Tower Shot ที่มีความสูงถึง 60 เมตร และใช้เวลาขึ้นลงเพียง 5 วินาที  เครื่องเล่นลักษณะนี้มีเปิดให้บริการที่สวนสนุกที่พัทยามาก่อน และเป็นที่นิยมอย่างมากของเด็กวัยรุ่น และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแข่งขันความเร็ว ต้องลองขับรถโกคาร์ท รถที่นี่มี 2 พวงมาลัยสามารถบังคับได้ทั้งคู่ หรือจะเป็นจักรยานเวหาที่พร้อมหมุนตีลังกาได้

นอกจากนี้ ยังมีน้ำพุดนตรีที่เปิดให้ชมฟรี พร้อมด้วยร้านอาหารที่ให้บริการทั้งตามสั่งและบุฟเฟ่ต์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย และครอบครัว


โดยรถยนต์
จากวงเวียนบางเขน ใช้เส้นทางถนนรามอินทรา มุ่งหน้าไปทางศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ จากนั้นให้ไปกลับรถ เข้ามาที่ ถ.กาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) จะเห็นสวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ฟันปาร์ค ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแฟชั่นไอร์แลนด์
โดยรถประจำทาง
นั่งรถเมล์สายที่ผ่านไปแฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา ลงป้ายศูนย์การค้า และข้ามสะพานลอยไปยังสวนสนุกวันเดอร์เวิล์ดฟันปาร์ค
รถธรรมดา สาย 95, 26, 27, 60, 71, 96, 168, 156, 95, 115, 131,144, 150, 151
รถปรับอากาศ สาย ปอ.26, ปอ.60, ปอ.168, ปอ.501, ปอ.512, ปอ.554

เรียบเรียงโดย www.roigoo.com ข้อมูลจาก wonderworldextremepark.com
กระทู้เที่ยวกรุงเทพที่ดีที่สุด : 42 สุดยอดสถานที่เที่ยวในกรุงเทพ ไปชิวๆ แบบเช้าไป-เย็นกลับ